19 กันยายน 2552


................ใครเคยอ่าน “ต้นส้มแสนรัก” โย้กมือขึ้น………….....

ส่วนที่เหลือ............ดูเหมือนนานแสนนานที่ห่างหายบ้านนี้ไป แต่จริงๆ แล้วเรื่องล่าสุดเพิ่งลงไว้เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมานี้เอง...สงสัยจะต้องไปบำบัดอาการติดบล็อกที่ถ้ำกระบอกซะแล้ว .

...........สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหอบสังขารที่กรำงานหนักไปนอนพักที่บ้านเกิด กลางวันอ่านหนังสือ กลางคืนนอนนับดาว ฟังเสียงจักจั่นร้องคอรัสกับอึ่งอ่าง มันเป็นความสุขสงบที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง หนึ่งในหนังสือที่หอบไปอ่านหลายเล่ม มีเรื่อง “ต้นส้มแสนรัก” อยู่ด้วย เล่มนี้ถือเป็นหนังสือในดวงใจอีกเล่มหนึ่ง เพราะว่าอ่านครั้งแรกน้ำตาไหลไม่หยุด แล้วก็อ่านซ้ำจนนับไม่ถ้วน แต่ละครั้งความคิดของเซเซ่เจ้าเด็กน่ารักของเรื่อง ก็เปลี่ยนแปลงไปในความเป็นตัวเรา

............มันก็เป็นเรื่องแปลกนะ หนังสือเล่มหนึ่ง คนหนึ่งอ่านและมีอารมณ์ร่วมไปกับมัน ขณะที่อีกคนหนึ่งที่อ่านเล่มเดียวกันกลับเฉยๆ เคยให้เพื่อนอ่านแล้วมันบอกสั้นๆ ว่า “ก้อดี” แค่เนียะ อาจจะเป็นเพราะเราเอาตัวเราเข้าไปอยู่ในเรื่องได้อย่างกลมกลืน เหมือนผมเอาตัวเองไปเป็นเจ้าหนูน้อย “เซเซ่” เด็กชายแก่แดดที่ซนจนลือกันไปทั้งเมือง ทั้งที่ฉลาดล้ำขนาดอ่านหนังสือได้ตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน แต่กลับขาดความเข้าใจจากครอบครัว นำไปสู่ความรุนแรงในบ้าน บ้างก็โดนทุบตีแทบปางตาย หรือไม่ด้วยความที่ตัวเล็กจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์โทสะทั้งที่ยังไม่ทันทำผิด

..............เซเซ่นั้นมีวิธีคิดที่น่าสนใจไม่เหมือนเด็กธรรมดาทั่วๆ ไป ครั้งหนึ่งเขาบอกชายแก่ที่เป็นเพื่อนรักว่า เขาเกลียดชังพ่อที่ทุบตีเขาเหลือเกิน เขาจะฆ่าพ่อ แต่แล้วเมื่อเพื่อนต่างวัยทำหน้าตกใจ เซเซ่ก็ขยายความว่า "ผมฆ่าอยู่ในใจ เพียงแต่นายเลิกรักเขาแล้ววันหนึ่งเขาก็จะตาย"

...........ยากจะหาคำพูดมาบรรยายความซาบซึ้งที่เคล้าด้วยเสียงหัวเราะและน้ำตาของเรื่องนี้ได้ เด็กชายจอมฉลาด เปี่ยมจินตนาการ ทว่า ไม่มีใครเข้าใจ ในที่สุดก็ต้องหาต้นไม้เป็นเพื่อน ตั้งชื่อมันว่า “มิงกินโย” แต่เวลาที่รักมากจะเรียกมันว่าซูรูรูก้า ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แล้วเซเซ่ก็มีนกอีกตัวหนึ่งที่คอยพูดคุยกับเขาอยู่ในตัวเองด้วย และแล้วเซเซ่ก็พบเพื่อนแท้ ต่างกันทั้งวัยและที่มา เขาเป็นชาวโปรตุเกสที่มาอยู่ในบราซิล ผู้คนไม่ค่อยรักใคร่เขาด้วยเพราะเป็นต่างชาติ แถมเป็นชายจากอดีตเจ้าอาณานิคมที่ข่มเหงบราซิลไว้มากโข ใครๆ เรียกเขาว่าโปรตุก้า ซึ่งแสดงความหยามเหยียดทางเชื้อชาติและผลักเขาออกจากสังคม ทว่า เขามีรถแสนสวยที่เด็กทั้งเมืองหมายจะได้เกาะท้าย เซเซ่แอบทำบ้างแต่ถูกจับได้ จึงถูกหวดบั้นท้ายท่ามกลางสายตาชาวบ้านร้านรวง ทั้งเจ็บทั้งอาย เขาสาบานว่าโตขึ้นจะฆ่าโปรตุก้าให้ได้ ทว่า มิตรภาพก็เกิด...เกิดขึ้นระหว่างเด็กน้อยและชายแก่ต่างด้าวผู้เปลี่ยวเหงา เป็นมิตรภาพที่นับวันก็จะยิ่งเหมือนพ่อกับลูก เซเซ่กลายเป็นเด็กดี ว่าง่าย และกลับมามีความหวังในชีวิตอีกครั้ง ไม่มีใครในจักรวาลเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นเด็กดีขึ้นมาได้

................เซเซ่ทึกทักขอให้โปรตุก้าเป็นพ่อของเขา ชายแก่ได้แต่ตกใจ เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ปลอบใจว่า ถึงจะพรากเซเซ่มาจากพ่อที่โหดร้ายไม่ได้ก็จริง แต่ก็จะทำตัวเป็นพ่อที่ดีที่สุดให้ โปรตุก้าทำได้ เขาพาเซเซ่ไปเที่ยว ซื้อขนมให้ และที่ทำให้เซเซ่รักเขามากมายก็คือการจ้องหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจยามรับฟังเรื่องเล่าไม่รู้จบของเขา ทว่า โปรตุก้าผู้เปลี่ยวเหงาก็ทำได้ไม่นาน วันหนึ่งมีข่าวว่ารถคันสวยของชาวโปรตุเกสถูกรถไฟชนจนแหลกยับ

...............เซเซ่วิ่งไม่คิดชีวิตไปให้ถึงที่เกิดเหตุ แต่เขาไม่เห็นอะไร ไม่เห็นรถของโปรตุก้า ทว่า ก็ร้องออกมา เขารู้ว่าโปรตุก้าตายแน่ ตายไปพร้อมๆ กับต้นส้มแสนรักของเขาที่เร็วๆ นี้กำลังจะถูกโค่นเพื่อขยายถนน เซเซ่ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เขาช็อก และตายลงอย่างช้าๆ พลางตัดพ้อกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าว่าเหตุใดจึงไม่รักเขาเหมือนเด็กคนอื่นๆ

............หลังจากนั้นแม้ว่าเขาจะรอดมาจากการตรอมใจได้ ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว เขาบอกพี่สาวว่าหากรอดชีวิตเขาก็จะเป็นเด็กเลว ทว่า พี่สาวก็เพียงปลอบว่า ขอให้เขารอดมาเป็นเด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งก็พอ

............ต้นส้มที่แท้จริงของเซเซ่ถูกโค่นไปแล้วพร้อมๆ กับการจากไปของโปรตุก้านั่นเอง แต่เขายังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป

Read More