29 สิงหาคม 2552

แคลเซียม…แร่ธาตุมหัศจรรย์

...........คอลัมน์ สุขภาพดีได้ by สิเรมอร เชื่อว่าผู้อ่านทุกคนคงเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ในเรื่องของการเสริมแคลเซียมเพื่อฟันและกระดูกที่แข็งแรง...แต่ผู้อ่านทราบหรือไหมคะว่าการเสริมแคลเซียมไม่ใช่เพื่อการบำรุงกระดูกเพียงอย่างเดียว แต่แคลเซียมยังมีประโยชน์ต่อระบบอื่นๆ ของร่างกายอีกมากมาย ที่หลายๆ คนยังไม่เคยทราบมาก่อน...เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักกับแคเซียมกันดีกว่าว่าแคลเซียมมีความสำคัญอย่างไร
แคลเซียมเป็นเกลือแร่ที่พบอยู่มากที่สุดในร่างกายมนุษย์ประมาณ โดยในร่างกายคน 50 กิโลกรัม จะมีแคลเซียมอยู่ประมาณ 1 กิโลกรัม ฟันและกระดูกเป็นแหล่งที่ประกอบด้วยแคลเซียมมากที่สุดของแคลเซียมที่มีอยู่ทั้งหมดในร่างกายคิดเป็นประมาณ 99% แคลเซียมที่อยู่ในเนื้อเยื่อเหล่านี้ส่วนมากอยู่ในรูปของเกลือแคลเซียมฟอสเฟต ส่วนเซลล์ประสาท เนื้อเยื่อร่างกาย เลือด และของเหลวอื่นๆ ในร่างกาย ประกอบด้วยแคลเซียมที่เหลือ
...........แคลเซียมมีหน้าที่หลักในการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงนั้น มีความสำคัญยิ่งต่อการดูดซึม การเก็บรักษา และหน้าที่ในการเผาผลาญของวิตามินเอ ซี ดี อี ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียมนอกจากนี้แคลเซียมยังจำเป็นต่อการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อ รวมทั้งมีความสำคัญสำหรับสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด เช่น การเต้นของหัวใจ และการแข็งตัวของเลือด แคลเซียมจำเป็นอย่างมากต่อการเจริญของกล้ามเนื้อ การส่งสัญญาณประสาทที่ถูกต้อง ความสมดุลของกรดด่างในเลือดและความดันโลหิตให้เป็นปกติ
อาการของโรคและสภาวะที่ควรจะได้รับแคลเซียม ได้แก่ โรคกระดูดพรุน คือ โรคที่ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดน้อยลงเรื่อยๆ รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะโครงสร้างของกระดูก ซึ่งมีผลทำให้กระดูกไม่สามารถจะรับน้ำหนักหรือแรงกดดันได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการกระดูกหักตามมา มีงานวิจัยชี้ว่า แคลเซียมจากอาหารสดจะช่วยลดการเกิดนิ่วในไตได้ และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือแคลเซียมสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วย
..........สำหรับการทำงานของแคลเซียมจะเริ่มจากเมื่อร่างกายได้รับแคลเซียมจากอาหารก็จะถูกกรดในกระเพาะทำให้แคลเซียมแตกตัวได้ดีขึ้นและถูกดูดซึมได้ง่ายขึ้นจากบริเวณลำไส้ส่วนต้น ซึ่งปกติแล้วร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมได้ประมาณร้อยละ 20-40 หลังจากนั้นแคลเซียมจะเข้าสู่เลือดผ่านไปตามระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว ไปสู่อวัยวะต่างๆ ส่วนใหญ่จะเข้าสู่กระดูก นอกนั้นเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ที่เหลือจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
..........สำหรับการทานแคลเซียมต่อวัน แบ่งตามวัยเป็น 3 ช่วง ดังนี้ วัยเด็กวันละ 200-500 มิลลิกรัม วัยผู้ใหญ่วันละ 1,000 มิลลิกรัม วัยทองกับสตรีมีครรภ์วันละ 1,200 มิลลิกรัม
..........แคลเซียมที่ได้จากอาหารเป็นแคลเซียมที่ดีและคุ้มค่าที่สุดในการเสริมสร้างกระดูกและฟันเพื่อให้ได้แคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นการสร้างนิสัยการกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงทุกวันตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยสูงอายุจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และแหล่งอาหารที่ดีที่สุดของแคลเซียมนั้นได้แก่ นม ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ซึ่งองค์การอนามัยโลกใช้เป็นมาตรฐานในการประเมินคุณภาพของโปรตีนในอาหาร ทั้งนี้เพราะเมื่อร่างกายได้รับนม ร่างกายจะสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีกว่าอาหารประเภทอื่น รวมทั้งสามารถดูดซึมโปรตีนจากนมไปใช้ได้มากด้วย นอกจากนมแล้วก็ยังมี สาหร่ายทะเลสีน้ำตาล เมล็ดแอลมอนด์ ถั่วบราซิล บรอคโครี่ กะหล่ำปลี ไข่ปลาคาร์เวีย ผลมะเดื่อ มาสตาร์ดเขียวข้าวโอ๊ต ผักชีฝรั่ง ลูกพรุน ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน อาหารทะเล หอยนางรม เมล็ดเครื่องเทศ ถั่วเหลือง เต้าหู โยเกริต์ พริก กระถิน ใบยอ กะเพราโหระพา กระเจี๊ยบ ผักกาดเขียว ผักกวางตุ้ง ป๋วยเล้งและคะน้า
..........ส่วนแหล่งแคลเซียมที่หาทานได้ตามบ้านเรานั้นก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็น แกงคั่วหอยขม ปลาร้าสับ กุ้งจ่อม อึ่งแห้ง เขียดย่าง หมกปลาแก้ว แจ่วปลาร้า และกุ้งชุบแป้งทอด โดยพบว่า ปลาร้าสับ กุ้งจ่อม หมกเคย กุ้งฝอยชุบแป้งทอด จะมีปริมาณแคลเซียมระหว่าง 393.6-915.3 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม เรียกว่าทานแค่ 1 ขีดก็ได้แคลเซียมพอในปริมาณที่เพียงพอแล้ว
...........เห็นไหมละค่ะว่าแคลเซียมนั้นไม่จำเป็นต้องได้มาจากนมเพียงอย่างเดียว หากใครที่ไม่ชอบดื่มนมเอาเสียเลย เมนูอาหารที่สิเรมอรได้เอามาฝากนั้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่ผิดอะไร ถึงอย่างไรหากเราทานแต่แคลเซียมเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเราก็ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทานอาหารให้ครบทุกหมู่ด้วย แต่ถ้าใครมีเวลาว่างสิเรมอรแนะนำให้ลองเข้าวัดทำบุญ ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง รับรองว่าคุณจะมีทั้งสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงอย่างแน่นอนค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น